ลูกปืนขนาด 5.56×45 มิลลิเมตร นาโต้ หรือ 5.56 นาโต้ เป็นลูกกระสุนเล็กยาวชนวนกึ่งกลางที่แก้ไขจากลูกปืนขนาด .223 เรมิงตัน โดยบริษัท เอฟ เอ็น (Fabrique Nationale; FN) ประเทศเบลเยียม รวมทั้งปฏิบัติราชการอีกทั้งในกรุ๊ปประเทศสมาชิกหน่วยงานอนุสัญญาคุ้มครองป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้ (NATO) ตลอดจนประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกหน่วยงานดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เพราะเป็นลูกกระสุนปืน 5.56 มิลลิเมตร นาโต้มีความพอดีอีกทั้งอำนาจฆ่ารวมทั้งอำนาจสกัดกั้นที่เชื่อถือได้ ก็เลยมีปืนเล็กยาวเล่นงานอีกหลายรุ่นที่ปรับปรุงขึ้นเพื่อใช้งานกับลูกกระสุน 5.56 มิลลิเมตร
นับตั้งแต่ประเทศอเมริกาประกาศเอกราชจากอังกฤษได้เสร็จ กองทัพสหรัฐอเมริกาได้ปฏิบัติงานปืนเล็กยาวแบบคาบหินเยอะมากๆจนกระทั่งเมื่อล่วงไปสู่สมัยของลูกกระสุนแบบปลอกโลหะและก็ดินควันน้อย กองทัพสหรัฐอเมริกาก็เลยได้ทยอยเปลี่ยนแปลงจากปืนคาบหินมาเป็นปืนเล็กยาวที่ใช้ลูกกระสุนปืนแบบครบนัดหมายทั้งปวง โดยได้เลือกปฏิบัติหน้าที่ปืนเล็กยาวขนาด .30 นิ้วมาตั้งแต่ปี คริสต์ศักราช 1892 ปืนเล็กยาวรุ่นแรกที่ทำงานหมายถึงปืน Krag-Jørgensen ขนาด .30-40 Kragของประเทศนอร์เวย์ แม้กระนั้นเนื่องจากว่าปืนรุ่นนี้มีปัญหาหลายประการ ในตอนหลังกองทัพสหรัฐอเมริกาก็เลยได้ซื้อสิทธิบัตรปืนเล็กยาว Gewehr 98 จากบริษัทเมาเซอร์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี พร้อมกับนำระบบดึงขึ้นเข็มแทงชนวนของปืน Krag มาจัดตั้งเพิ่มเข้าไปแล้วก็ผลิตเป็นปืน M1903 Springfield รวมทั้งได้นำลูกกระสุนปืนขนาด 8 มิลลิเมตร เมาเซอร์ (7.92×57 มิลลิเมตร) มากระทำการดัดแปลงแก้ไขให้ใช้กับหัวกระสุนขนาด .30 นิ้วเดิมของปืน Krag ถัดไป พร้อมกับยืดปลอกออกเป็น 63 มม.ทำให้ใส่ดินส่งได้มากขึ้นและก็เรียกว่าลูกกระสุนปืนใหม่นี้ว่า .30-06 Springfield (7.62×63 มิลลิเมตร)
ในตอนสง
jumbo jiliครามโลกครั้งลำดับที่สอง กองทัพฯสหรัฐอเมริกาได้เริ่มทยอยโอนปืน M1903 Springfield ไปให้กองกำลังแคว้นและก็เล็กน้อยได้เอามาปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงเป็นปืนเล็กยาวลอบยิง M1903A4 ใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกระทั่งการศึกประเทศเกาหลี ในเวลาเดียวกันก็ได้ทยอยใส่ปืนเล็กยาวใส่เอง M1 Garand ปฏิบัติราชการ โดยปืน M1 Garand ดีไซน์โดยจอห์น ซี กาแรนด์ ซึ่งในตอนแรกวางแบบให้ใช้กับลูกปืนขนาด 7×51 มม. (.276 Pedersen) แล้วก็สามารถใส่ในคลิปลูกกระสุนได้ 10 นัดหมาย แม้กระนั้นเมื่อกองทัพสหรัฐอเมริการับมาตรึกตรองใน คริสต์ศักราช1932 ก็มีคำบัญชาให้เปลี่ยนแปลงมาใช้ลูกกระสุน .30-06 ทำให้ปืนใส่ลูกกระสุนได้เพียงแค่ 8 นัดหมาย รวมทั้งรับปฏิบัติงานตอนวันที่ 6 เดือนมกราคม คริสต์ศักราช 1936 ให้ชื่อเป็นทางการว่า United States Rifle, Caliber .30, M1 และก็ใช้งานมาจนกระทั่งการศึกประเทศเกาหลี โดยในขณะที่ปืน M1 Garand ปฏิบัติงานนี้ กองทัพสหรัฐอเมริกาก็ได้มีโครงงาน T20 กระทำดัดแปลงแก้ไขปืน M1 Garand ให้ใส่ลูกกระสุนปืนได้มากขึ้นโดยใช้ซองลูกปืน 20 นัดหมายของปืนเล็กมายากล M1918 Browning Automatic Rifle (BAR) แล้วก็ทำเพิ่มระบบยิงแบบอัตโนมัติเข้าไปเปลี่ยนเป็นโครงงาน T37
วันหลังสง
สล็อตครามโลกครั้งลำดับที่สอง ได้มีการศึกษาค้นคว้าดินขับแบบใหม่ขึ้นกระทั่งเสร็จจนกระทั่งสามารถใช้ในจำนวนลดลงแต่ว่าให้กำลังขับเหมือนเดิม กองทัพสหรัฐอเมริกาก็เลยได้นำลูกปืน .30-06 มากระทำลดความยาวปลอกจาก 63 มม.ลงเป็น 51 มม. เพื่อนำไปใช้กับปืนในโครงงาน T37 เปลี่ยนเป็นโครงงาน T44 แล้วสุดท้ายก็ทำงานเป็นปืน M14 แล้วก็ M15 ในปี คริสต์ศักราช 1957 ส่วนลูกกระสุน 7.62 มม.ของปืน M14 ก็เปลี่ยนเป็นลูกปืน ”’7.62×51 มิลลิเมตร นาโต้”’ ซึ่งเป็นลูกปืนมาตรฐานของปืนกลรวมทั้งปืนเล็กยาวหลายรุ่นในตอนนี้ ยิ่งกว่านั้นบริษัทวินเชสเตอร์ยังได้นำลูกกระสุนปืน 7.62 มิลลิเมตร นาโต้นี้ไปผลิตขายให้ข้าราชการในชื่อว่า .308 Winchester อีกด้วย
แต่ว่าแล้วปืน M14 ก็แก่การใช้แรงงานได้ไม่นาน เพราะมีปัญหาเรื่องตัวปืนและก็ลูกปืนมีน้ำหนักมากมายทำให้ทหารนำพาไปได้น้อย ทั้งยังมีปัญหาเรื่องแรงสะท้อนถอยหลังสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแบบอัตโนมัติจะไม่สามารถที่จะสามารถควบคุมปืนได้เลย ทำให้แผนการวิจัยปืนเล็กยาวที่ใช้ลูกกระสุนปืนขนาดหน้าตัดเล็กแต่ว่ามีความเร็วสูงมีความแจ่มแจ้งขึ้นมาแทน ซึ่งแผนการนี้มีชื่อว่า Project SALVO ตั้งมาแต่ว่า คริสต์ศักราช 1948 โดยมีจุดหมายที่จะสร้างอาวุธประจำกายพลเดินเท้าที่ใช้ลูกปืนขนาด .22 ความเร็วสูง มีระยะหวังผล 300 เมตรขึ้นไป คราวหลังก็เลยได้มีหลักเกณฑ์เพิ่มอีกว่าจะต้องมีน้ำหนักค่อย เลือกยิงได้ทั้งยังแบบครั้งละนัดหมายและก็ยิงเป็นชุด และก็จำต้องยิงเจาะหมวกเหล็กได้ในระยะ 500 เมตร
ใน คริสต์ศักราช 1957 บริษัท Armalite ซึ่ง
สล็อตออนไลน์เป็นแผนกอาวุธปืนของบริษัทแฟร์ไชล์ด เครื่องปรับอากาศคราวฟต์ คอร์ป (Fairchild Aircraft Corp.) ได้ร่วมโครงงานนี้ โดยยูจีน สโตนเนอร์ได้นำแบบปืน AR-10 ขนาด 7.62 มม.มาย่อส่วนเป็นปืน AR-15 เพื่อใช้กับลูกปืน .222 เรมิงตัน ซึ่งปรับปรุงโดยบริษัทเรมิงตัน อาร์มส์ อเมริกา ที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพสหรัฐอเมริกาให้ออกแบบแล้วก็ศึกษาค้นคว้าลูกกระสุนประเภทใหม่ที่จะประยุกต์ใช้กับปืนเล็กยาวเอ็ม 16 โดยทางบริษัทได้นำลูกกระสุนปืน .222 เรมิงตัน ซึ่งเป็นลูกปืนเล็กยาวชนวนกึ่งกลางที่นิยมใช้สำหรับการล่าสัตว์ขนาดเล็กแล้วก็ขนาดกึ่งกลางของทางบริษัทมาเป็นต้นแบบสำหรับเพื่อการศึกษาค้นคว้า ด้วยการยืดปลอกเพื่อเพิ่มปริมาณดินขับลูกปืนแล้วก็ในเวลาเดียวกันก็เป็นลดแรงกดดันในรังไฟโดยรวมลง โดยเรียกลูกกระสุนปืนใหม่นี้ว่า .222 เรมิงตัน แมกนั่ม ซึ่งเป็นลูกปืนที่มีความเร็วต้นสูงมากขึ้นจากเดิม 3,095 ฟุต/วินาที เพิ่มเป็น 3,250 ฟุต/วินาที แล้วก็มีแรงกดดันในรังไฟราวๆ 56,000 ปอนด์/ตารางนิ้ว (PSI) โดยทางบริษัทเรมิงตันได้เรียกชื่อลูกปืนใหม่นี้ในทางการค้าขายว่า .223 เรมิงตัน ส่วนในทางทหารจะเรียกลูกกระสุนนี้ว่า 5.56×45 มิลลิเมตร หรือ 5.56 มิลลิเมตร
ในช่วงแรกปฏิบัติงาน ทางกองทัพสหรัฐอเมริกายังคงกำหนดให้ใช้คุณลักษณะเดิมของลูกปืน 5.56 มิลลิเมตรกับปืนเอ็ม 16 ดังที่บริษัทเรมิงตันดีไซน์ โดยมีรหัสที่ใช้ในกองทัพสหรัฐอเมริกาว่า M193 ถัดมาหน่วยงานแซมมี (SAAMI) ประเทศอเมริกา ก็เลยได้ระบุมาตรฐานขึ้นมาใหม่ดังต่อไปนี้ เป็น
1.จำต้องใช้หัวลูกปืนน้ำหนัก 55 เกรน
2.มีความเร็วต้นที่ 3,250 ฟุต/วินาที เมื่อยิงจากปืนซึ่งมีลำกล้องถ่ายรูปยาว 20 นิ้ว หรือเร็วกว่านั้นเมื่อยิงจากปืนที่มีความยาวลำกล้องถ่ายภาพมากยิ่งกว่า
3.ใช้ยิงกับปืนยาวที่มีระยะครบรอบเกลียว 1 รอบที่ระยะ 12 ฟุตหรืออัตรา 1:12 รวมทั้ง
4.มีแรงกดดันในรังไฟไม่เกิน 52,000 ปอนด์/ตารางนิ้ว (PSI) เมื่อใช้ในปืนทหาร และไม่เกิน 55,000 ปอนด์/ตารางนิ้วเมื่อใช้ในปืนการค้า
เมื่อลูกกระสุนปืน 5.56 มิลลิเมตร แบบ M193 เริ่มได้
jumboslotรับความนิยมชมชอบในกรุ๊ปประเทศหน่วยงาน NATO ทางบริษัท เอฟ เอ็น ก็เลยได้นำลูกกระสุนแบบ M193 ไปแก้ไขใหม่ โดยเปลี่ยนแปลงหัวกระสุนจากเดิมหนัก 55 เกรนเป็น 62 เกรน แล้วก็เพิ่มปริมาณดินขับลูกกระสุนปืน ทำให้ได้ลูกกระสุนแบบใหม่ที่มีความเร็วต้นเพียงแต่ 3,025 ฟุต/วินาที แต่ว่ามีแรงกดดันในรังไฟสูงถึง 62,366 ปอนด์/ตารางนิ้ว เมื่อทดลองด้วยแนวทาง NATO EPVAT หรือ 55,114 ปอนด์/ตารางนิ้ว เมื่อทดลองด้วยแนวทาง SCATP 5.56 ซึ่งมีขีคละเคล้าวิถีที่ดีมากกว่าลูกกระสุนปืนแบบ M193 มากมาย รวมทั้งปฏิบัติราชการในกองทัพเบลเยียมโดยใช้รหัสว่า SS109 ถัดมาเมื่อลูกกระสุนปืนรุ่นดังกล่าวมาแล้วข้างต้นได้รับการตอบกลับอย่างดีเยี่ยมจากกรุ๊ปประเทศสมาชิกหน่วยงานนาโต้ ก็เลยได้มีการระบุรหัสให้ใหม่ว่า 5.56×45 mm. NATO
ส่วนกองทัพสหรัฐอเมริกาเองก็ได้นำลูกกระสุนปืน 5.56 นาโต้แบบ SS109 มาปรับแก้เป็นลูกกระสุนปืนในลักษณะของตัวเอง โดยเพิ่มแกนเหล็กแถวๆหัวลูกปืนเพื่อเพิ่มอำนาจทะลุผ่านรวมทั้งทาสีเขียวรอบๆปลายหัวกระสุนเพื่อเป็น
slotเครื่องหมาย แล้วก็ระบุรหัสที่ใช้ในกองทัพว่า M855 แล้วก็มีคำบัญชาให้บริษัทวัวลท์กระทำปรับแก้ปืน M16A1 เป็นปืน M16A2 เพื่อรองรับลูกกระสุนปืนแบบ M855 ในเวลาถัดมา